เราคือทีมบริการรับซื้ออุปกรณ์ไอที ที่ใช้งานได้ และไม่ได้ ให้ราคาสูงมากที่สุด พร้อมทีมประเมิณราคา รับถึงหน้างาน ให้คำปรึกษาในทุกด้านในการ รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอแตก , รับซื้อ Notebook จอแตก , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอดับ , รับซื้อ Notebook จอดับ , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอมืด , รับซื้อ Notebook จอมืด , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอเสีย , รับซื้อ Notebook จอเสีย , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอเป็นเส้น , รับซื้อ Notebook จอเป็นเส้น , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอพัง , รับซื้อ Notebook จอพัง
ไม่ว่าคุณจะเป็น User เพียงคนเดียวที่มี ซาก Notebook แค่ไม่กี่ตัว ทางเรายินดี ไปรับถึงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
…หรือหากคุณเป็นบริษัท :
ที่มี ซาก Notebook จำนวนมาก เราสามารถทำเสนอราคา ทำคู่เทียบให้จบ โดยคุณไม่ต้องเหนื่อยหา เรามีบริการทำลายข้อมูลที่มีใบ Cer ด้วย
วิธีขาย ซาก Notebook กับเราง่าย ๆ เพียงแอดไลน์ @buyit มาหาเรา ส่งรูปรายละเอียด สเปคมาให้ ทีม รับซื้อซากโน๊ตบุ๊ค อย่างชัดเจน เราจะตอบราคา รับซื้อซากโน๊ตบุ๊ค เพียงไม่กี่นาที

รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอแตก , รับซื้อ Notebook จอแตก , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอดับ , รับซื้อ Notebook จอดับ , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอมืด , รับซื้อ Notebook จอมืด , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอเสีย , รับซื้อ Notebook จอเสีย , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอเป็นเส้น , รับซื้อ Notebook จอเป็นเส้น , รับซื้อโน๊ตบุ๊คจอพัง , รับซื้อ Notebook จอพัง
รับซื้อ Notebook จอแตก – เปลี่ยนเครื่องเก่าที่จอแตกให้กลายเป็นเงินสด
เมื่อ โน๊ตบุ๊ค ที่ใช้งานมานานเกิด จอแตก หรือ หน้าจอเสีย หลายคนอาจจะคิดว่าไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ และอาจตัดสินใจทิ้งไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่า โน๊ตบุ๊คจอแตก ยังคงสามารถขายได้ในราคาที่ดี หากเลือกช่องทางขายที่เหมาะสม!
ในบทความนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ การขายโน๊ตบุ๊คจอแตก ทั้งประโยชน์และวิธีการที่คุณสามารถนำ โน๊ตบุ๊คจอแตก ของคุณไปขายเพื่อให้ได้ ราคาดี พร้อมทั้งวิธีการเลือก ร้านรับซื้อโน๊ตบุ๊ค ที่เชื่อถือได้
ทำไมถึงต้องขาย โน๊ตบุ๊คจอแตก?
1. เปลี่ยนเครื่องเก่าที่จอแตกให้กลายเป็น เงินสด
แม้ว่า โน๊ตบุ๊คจอแตก ของคุณจะไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ยังคงสามารถขายได้ในราคาที่ดี โดยเฉพาะถ้าชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยังสามารถนำไปใช้ได้ เช่น ฮาร์ดดิสก์, แรม, เมนบอร์ด, หรือ การ์ดจอ ร้านที่รับซื้อ โน๊ตบุ๊คจอแตก มักจะรับซื้อชิ้นส่วนเหล่านี้เพื่อนำไปรีไซเคิลหรือนำไปใช้ในเครื่องอื่น
2. ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และช่วยสิ่งแวดล้อม
การขาย โน๊ตบุ๊คจอแตก ช่วยลด ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ เพราะชิ้นส่วนต่าง ๆ ของโน๊ตบุ๊คสามารถนำไป รีไซเคิล หรือนำไปใช้ในกระบวนการซ่อมแซมเครื่องอื่น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการทิ้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
3. บริการรับซื้อสะดวกและรวดเร็ว
หลายร้านรับซื้อ โน๊ตบุ๊คจอแตก มีบริการ รับซื้อถึงที่ ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการขนส่งหรือเดินทางไปยังร้านเอง เพียงแค่ติดต่อร้านรับซื้อและรอการประเมินราคาก็สามารถขายได้ทันที
ประเภทของ โน๊ตบุ๊คจอแตก ที่รับซื้อ
1. โน๊ตบุ๊คที่มีจอแตกหรือจอเสีย
ร้านรับซื้อ โน๊ตบุ๊คจอแตก มักจะรับซื้อ โน๊ตบุ๊คที่จอแตก หรือ จอเสีย เพราะแม้ว่าหน้าจอจะเสีย แต่ส่วนประกอบอื่น ๆ ของเครื่องยังสามารถใช้งานได้ เช่น แรม, ฮาร์ดดิสก์, หรือ การ์ดจอ ซึ่งยังมีมูลค่าในตลาด
2. โน๊ตบุ๊คที่มีปัญหาหลายจุด
หาก โน๊ตบุ๊ค ของคุณมี จอแตก และมีปัญหาอื่น ๆ เช่น เครื่องเปิดไม่ติด หรือ แบตเตอรี่เสีย ยังสามารถขายได้ เพราะบางร้านรับซื้อจะประเมินราคาตามชิ้นส่วนที่ยังสามารถนำไปใช้ได้
3. โน๊ตบุ๊คที่เสียบางส่วน
แม้ว่า โน๊ตบุ๊ค จะมี จอแตก, หากส่วนอื่น ๆ ของเครื่องยังคงสามารถใช้งานได้ เช่น แรม, ฮาร์ดดิสก์, หรือ เมนบอร์ด ก็ยังสามารถขายได้ในราคาที่ดี
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาของ โน๊ตบุ๊คจอแตก
1. สภาพของเครื่องและส่วนประกอบต่าง ๆ
ราคาของ โน๊ตบุ๊คจอแตก จะขึ้นอยู่กับสภาพของส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในเครื่อง หาก แรม, ฮาร์ดดิสก์, หรือ เมนบอร์ด ยังสามารถใช้งานได้หรือมีสภาพดี ราคาจะสูงขึ้น
2. ยี่ห้อและรุ่นของโน๊ตบุ๊ค
บางยี่ห้อหรือรุ่นของ โน๊ตบุ๊ค อย่าง Apple MacBook, Dell XPS, หรือ Lenovo ThinkPad มักจะได้รับราคาที่สูงกว่า เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีคุณภาพสูงและมักจะได้รับความนิยมในตลาด
3. อายุการใช้งานของเครื่อง
โน๊ตบุ๊คที่ใช้มาไม่นาน และส่วนประกอบยังคงมีสภาพดีมักจะได้รับราคาที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้งานมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะส่วนที่มีการเสื่อมสภาพ เช่น แบตเตอรี่ หรือ ฮาร์ดดิสก์
ช่องทางการขาย โน๊ตบุ๊คจอแตก
1. ร้านรับซื้อโน๊ตบุ๊คจอแตก
หลายร้านรับซื้อ โน๊ตบุ๊คจอแตก โดยตรง พวกเขาจะประเมินราคาตามสภาพของเครื่องและจะทำการ รีไซเคิล หรือ ซ่อมแซม ชิ้นส่วนที่ยังสามารถใช้งานได้
2. ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
คุณสามารถขาย โน๊ตบุ๊คจอแตก ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook Marketplace, Kaidee, หรือ Shopee โดยการตั้งราคาของคุณเอง ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการขายได้
3. ขายให้ร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มือสอง
ร้านคอมพิวเตอร์มือสองบางร้านรับซื้อ โน๊ตบุ๊คจอแตก เพื่อนำไปซ่อมแซมหรือขายต่อในราคาถูกให้กับผู้ที่ต้องการซื้อเครื่องราคาประหยัด
เคล็ดลับในการขาย โน๊ตบุ๊คจอแตก ให้ได้ราคาดี
- ตรวจสอบสภาพเครื่องอย่างละเอียด
- ตรวจสอบส่วนต่าง ๆ ของเครื่อง เช่น พอร์ต USB, แป้นพิมพ์, การ์ดจอ, หรือ ฮาร์ดดิสก์ ว่ายังสามารถใช้งานได้หรือไม่ เพื่อให้คุณได้ราคาที่ดีที่สุด
- ถ่ายภาพเครื่องจากหลายมุม
- ถ่ายภาพของ โน๊ตบุ๊คจอแตก จากหลายมุม เพื่อให้ผู้ซื้อเห็นสภาพเครื่องได้ชัดเจน และสามารถประเมินราคาด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง
- ลบข้อมูลส่วนตัวออกจากเครื่อง
- ก่อนการขาย โน๊ตบุ๊คจอแตก, ควรทำการลบข้อมูลส่วนตัวให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลของคุณถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
- เลือกช่องทางการขายที่สะดวก
- หากคุณไม่สะดวกในการเดินทางไปยังร้านรับซื้อ, คุณสามารถเลือกใช้บริการ รับซื้อถึงที่ หรือขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมราคาของคุณได้
สรุป
การขาย โน๊ตบุ๊คจอแตก ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้รับ เงินสด จากเครื่องที่ไม่ได้ใช้งาน แต่ยังช่วย รีไซเคิล ชิ้นส่วนต่าง ๆ และลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากคุณเลือกช่องทางการขายที่เหมาะสมและเลือก ร้านรับซื้อที่น่าเชื่อถือ คุณจะสามารถได้รับราคาที่ดีที่สุดจากการขาย โน๊ตบุ๊คจอแตก ของคุณ
💻 สนใจขายโน๊ตบุ๊คจอแตก? เลือกร้านรับซื้อที่เชื่อถือได้และให้ราคาดี!
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้งานโน๊ตบุ้กเริ่มมีบทบาทสำคัญในการทำงานในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าราคาโน๊ตบุ้กในปัจจุบันจะมีราคาไม่สูงเท่าสมัยก่อน จนทุกท่านสามารถหาซื้อเป็นเจ้าของได้ไม่ยากนัก แต่ทุกท่านก็คงอยากจะรักษาโน๊ตบุ้กของตัวเองให้สามารถใช้งานได้ดีให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุนของคุณมากที่สุด ซึ่งโดยปกติโน๊ตบุ้กจะมีอายุการใช้ระหว่าง 3 – 5 ปี
การดูแลรักษาโน๊ตบุ้กก็คล้ายๆกับการดูแลรักษาสุขภาพของเรา ซึ่งจะต้องมีแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง และปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ โดยในที่นี้ผมจะขอแนะนำข้อควรปฏิบัติเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับโน๊ตบุ้กสุดรักของคุณเป็นข้อๆจำนวน 7 ข้อดังต่อไปนี้
- ระบายความร้อนใต้เครื่องให้ดี
ความร้อนสะสมภายในเครื่องเป็นศัตรูตัวฉกาจของโน๊ตบุ้ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร้อนบริเวณใต้เครื่อง ซึ่งปกติตัวเครื่องจะเกือบถูกวางแนบไว้กับพื้นโต๊ะ ซึ่งทำให้มีช่องว่างเพียงนิดเดียวที่อากาศเย็นจากภายนอก จะสามารถไหลเวียนเข้าไปเพื่อพาอากาศร้อนใต้เครื่องให้ออกมาได้ จึงทำให้ความร้อนสะสมภายในเครื่อง สูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะมีผลโดยตรงการอายุการใช้งานของชิ้นต่างๆภายในเครื่องในระยะ ผมจึงขอแนะนำให้หาฐานวางโน๊ตบุ้กมาใช้ เพื่อช่วยเพิ่มความไหลเวียนของอากาศบริเวณใต้เครื่อง ถ้าเป็นรุ่นที่มีพัดลมระบายอากาศได้ด้วยยิ่งดี และหลีกเลี่ยงการใช้งานโน๊ตบุ้กบนเตียงหรือบนเบาะนุ่มๆอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นจะเป็นการตัดระบบการระบายความร้อนใต้เครื่องอย่างสิ้นเชิง
- อย่าเพิ่งปิดฝาเลยทันทีที่เลิกใช้
ถึงแม้คุณจะได้ปฏิบัติตามข้อที่หนึ่งที่ช่วยลดความร้อนสะสมในตัวเครื่อง ในระหว่างที่ใช้งานไปแล้วการระบายความร้อนในช่วงที่ปิดเครื่องใหม่ๆก็มีความ สำคัญเช่นกัน การปิดฝาเครื่องทันทีที่เลิกใช้จะทำให้ความร้อนที่เกิดระหว่างที่เปิด ใช้งานสะสมอยู่ในเครื่องนานกว่าที่ควรจะเป็นเพราะตัวมีเวลาไม่พอที่จะคลาย ความร้อนทั้งหมดออกมา ดังนั้นผมจึงขอแนะนำว่าหลังจากที่คุณใช้งานเสร็จ ให้คุณดึงปลั้กหม้อแปลงชาร์ตไฟออกตามปกติ แต่เปิดฝาเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 3 – 5 นาที เพื่อให้เครื่องมีเวลาในการระบายความร้อน ในช่วงที่เปิดใช้งานให้หมดก่อน จากนั้นจึงค่อยปิดฝาเครื่องเพื่อป้องกันฝุ่นละอองต่างๆลงบนเครื่อง
- ห้ามถอดแบตเตอรี่อย่างเด็ดขาด
หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินคนบอกว่า ควรถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องในระหว่างที่ใช้อยู่ในบ้าน เพื่อเป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แต่ผมขอบอกว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดมากๆ จริงอยู่การทำเช่นนั้นจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวขึ้น แต่นั่นก็เป็นการทำให้อายุการใช้งานของเครื่องโดยรวมสั้นลงเช่นกัน เพราะเมื่อมีเหตุการณ์ไฟตกหรือไฟดับ ตัวเครื่องก็จะหยุดการทำงานในทันทีโดยไม่มีการปิดเครื่องอย่างถูกต้องซึ่ง นอกจากจะทำให้คุณสูญเสียงานที่กำลังทำอยู่แล้วยังเป็นอันตรายต่อชิ้นส่วน อย่างฮาร์ดดิสก์ในระยะยาวเป็นอย่างมาก ผมจึงขอแนะนำให้ห้ายถอดแบตเตอรี่อยู่เป็นประจำอย่างเด็ดขาด และเสียบใช้ไฟผ่านหม้อแปลงทุกครั้งที่มีโอกาสใช้ไฟจากปลั้ก - การเสียบแจ๊ตชาร์ตจากหม้อแปลงไฟฟ้าให้ถูกต้อง
บาง ท่านอ่านที่หัวข้อแล้วจะงงๆว่าการเสียบแจ๊ตชาร์ตไฟมีวิธีที่ถูกต้องและไม่ ถูกต้องด้วยหรือ ผมบอกได้เลยว่ามี และถ้าไม่ระวังให้ดีจะมีผลให้ไฟช๊อตเมนบอร์ดของเครื่องได้ด้วย ซึ่งคงจะไม่ได้ทำให้เสียในทันที แต่จะมีผลในระยะยาวอย่างแน่นอน ไฟซ๊อตจะเกิดขึ้นตอนที่คุณเสียบแจ๊ตเนี่ยล่ะครับ คุณเคยสังเกตตอนที่คุณเสียบแจ๊ตชาร์ตไฟ กับตัวเครื่องมั้ยครับว่า บางครั้งจะเกิดประกายไฟขึ้นตอนที่เสียบ นั่นเป็นเพราะคุณเสียบ ไม่ถูกต้องนั้นเอง วิธีที่ถูกต้องคือตอนเปิดใช้ให้เสียบแจ๊ตที่ชาร์ตไฟจากหม้อแปลง ไฟฟ้าที่เครื่องก่อนแล้วค่อยเสียบปลั้กและตอนเลิกใช้ให้ถอดปลั้กไฟและรอให้ ไฟที่ตัวหม้อแปลงไฟฟ้าดับก่อนแล้ว ค่อยถอดแจ๊ตออกจากตัวเครื่อง ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ตัดโอกาสไฟช๊อตอันเกิดจากประกายไฟตอนที่เสียบหรือถอด แจ๊ตได้อย่างเด็ดขาด - ก่อนเคลื่อนย้ายให้ปิดฝาเครื่องก่อน
ปัญหา บานพับโน้ตบุ้กหักเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้โน๊ตบุ้กต้องปวดหัวกันมาก ส่วนใหญ่จะโทษบริษัทผู้ผลิตที่ใช้วัสดุไม่ดี หรือออกแบบมาไม่ดีพอ แต่จริงๆแล้วปัญหาบานพับหักนี้มักจะเกิดจากการใช้งานไม่ถูกต้องเองมากกว่า เช่น การเปิดฝากหน้าจอไว้ในขณะยกเคลื่อนย้าย, การใช้มือเปล่าถือเครื่องไปโดยไม่ได้ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยก่อน เป็นต้น ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ข้อต่อบานพับมีการขยับเขยือนมากกว่าที่ควรจะเป็น และเมื่อนานวันเข้าก็จะเริ่มแตกร้าวและหักได้ในที่สุด คุณสามารถป้องกันได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ด้วยการปิดฝาเครื่องทุกครั้งก่อนที่จะยกเคลื่อนย้าย และหากต้องเคลื่อนย้ายไปไกลๆก็แนะนำให้เก็บเครื่องใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย ก่อน จะเป็นการป้องกันการแตกหักของบานพับได้ดีที่สุด - ใช้งานช่องพอร์ต USB และ PCMCIA ในเครื่องเท่าที่จำเป็น
ปกติ การใช้งานช่องพอร์ต USB และ PCMCIA สำหรับการใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น USB Drive, TV Tuner Card, Wireless Network Card หรือ FireWire Card จะทำให้ซีพียูต้องทำงานมากกว่าปกติ และเมื่อซีพียูมีการทำงานมากขึ้น ความร้อนที่เกิดจากการทำงานของซีพียูที่มากขึ้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ความร้อนที่เกิดจากอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ยังทำให้ความร้อนสะสมภายใน เครื่องเพิ่มสูงขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งความร้อนสะสมที่มากกว่าปกติจะมีผลโดยตรงทำให้อายุการใช้งานของชิ้นส่วน ต่างๆในเครื่องสั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น ผมจึงขอแนะนำให้ใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างเท่าที่จำเป็น ดึงออกทันทีที่ใช้เสร็จ และหลีกเลี่ยงการเสียบทิ้งไว้ตลอดเวลาที่เปิดเครื่องใช้งาน - อย่าทิ้งแผ่นซีดี/ดีวีดีไว้ในเครื่องอย่างเด็ดขาด
ผม เชื่อว่าคงมีหลายๆท่านที่ชอบเผลอลืมใส่แผ่นซีดี/ดีวีดีทิ้งไว้ในเครื่อง โดยไม่รู้ตัวว่านั่นเป็นการทำให้ไดร์ฟซีดี/ดีวีดีต้องทำงานมากกว่าปกติ เพราะต้องมีการอ่านข้อมูลทุกเครื่องที่มีการเปิดเครื่องขึ้นมา และต้องอ่านแผ่นเพิ่มขึ้นในหลายๆครั้งที่คุณเปิด Windows Explorer ซึ่งจะทำให้หัวอ่านของไดร์ฟซีดี/ดีวีดีต้องทำงานมากกว่าปกติ ซึ่งจะมีผลทำให้อายุการใช้งานของไดร์ฟซีดี/ดีวีดีสั้นลง ด้วยเหตุนี้ผมจึงขอแนะนำให้เอาแผ่นซีดี/ดีวีดีออกจากเครื่องทุกครั้งที่คุณ ใช้งานจากแผ่นเสร็จ และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ